บทที่ 8 เวรเยิน
คุณหมอสาวสบตาคมดุกับญาติคนไข้ที่มารอตรงหน้าห้องฉุกเฉิน ชุดที่สวมอยู่บอกให้รู้ถึงอาชีพ แต่ไม่ทราบว่ายศอะไร เพื่อไม่ได้มีความรู้ด้านนี้เลย
“สวัสดีค่ะ หมอเย็บแผลให้แล้ว ฉีดยาให้แล้วด้วย เดี๋ยวจะตัดยาให้ไปทาน แล้วก็พามาล้างแผลนะคะ “
ก้องภพมองคุณหมอตัวเล็กตรงหน้า ด้วยความแปลกใจ ลูกน้องที่โดนเหล็กแทงที่เท้ามา เลือดไหลเต็มรองเท้า แต่ท่าทางหมอไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด
“มีอะไรจะถามไหมคะ ถ้าไม่มี เชิญข้างนอกค่ะ หมอมีคนไข้รออยู่ “
เวลาดึกสงัดในโรงพยาบาลกลางป่ากลางเขา ยังมีคนจำนวนมากที่เข้ามารับการรักษา
“ขอบคุณครับหมอ “ ก้องภพบอกออกมา แล้วขยับตัวไปพยุงลูกน้องที่ลุกจากเตียง
“หมอเย็บแผลไม่รู้สึกเลยครับ เก่งมากจริงๆเลยครับหัวหน้า “
คนเจ็บบอกระหว่างที่เดินทางกลับฐานด้วยกัน
“พรุ่งนี้จะพามาล้างแผล “ หัวหน้าหน่วยบอกลูกน้องแล้วเร่งฝีเท้าทำความเร็ว เพื่อให้ถึงที่พัก วันนี้เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน
คุณหมอสาววางมือจากคนไข้รายสุดท้ายคือเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว พยาบาลพากันเตรียมตัวจะได้พัก หลังจากเข้างานตั้งแต่หกโมงเย็น
“เหนื่อยเลยค่ะหมอ ลงเวรวันแรก ก็หนักเลย “
น้ำอิงยิ้มแล้วลงมือเขียนรายงานต่างๆของคืนนี้ให้เสร็จ เพื่อจะได้อ่านหนังสือทบทวนวิชาเรียนต่อ
“ถ้าไม่อ่านก็ไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็รักษาคนอื่นไม่ได้ โรคภัยไข้เจ็บมีมากมายเป็นพันเป็นหมื่น พร้อมกับโรคที่เกิดใหม่ได้ทุกเวลา หมอต้องพร้อมรักษา ทุกสถานการณ์ และยิ่งออกไปข้างนอก ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีหมอระดับอาจารย์คอยช่วยเหลือ หมออิงต้องเข็มแข็ง อดทนให้มาก อย่ากลัว อย่าหวาดหวั่น เพราะความดีเท่านั้น จะเป็นเกราะแก้วคุ้มภัยหมอ “
อาจารย์หมอสัญญา บอกกับลูกศิษย์และลูกสาวที่อุปการะมากว่า6ปี ด้วยความห่วงใย หลังจากทราบว่าหมออิง ยื่นเรื่องมาที่ตะเข็บชายแดนแห่งนี้
ก้องภพล้มตัวลงนอน แล้วหลับตาลง ในสมองมีสายตาของคุณหมอเข้ามาในความคิด หมอผู้หญิงแต่งชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดา สวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่า และเสื้อกาวน์ตัวสั้นปักตราของมหาวิทยาลัยชื่อดังเอาไว้ สงสัยจะจับฉลากได้มาแน่นอน แต่ทำไมหมอถึงมากวนใจเค้าอยู่ตรงนี้
พ่อหลวง หรือ ผู้นำจิตวิญญาณของคนในพื้นที่มองนายทหารร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาภายในหมู่บ้าน ภาพชาวบ้านกำลังหุงหาอาหาร ทำไร่ ซักผ้าที่ริมน้ำ เป็นวิถีชีวิตเรียบง่าย ที่หาดูได้ตามสารคดีเท่านั้น
“ผมพาหัวหน้าคนใหม่ มาฝากตัวกับพ่อหลวง “ นายทหารในพื้นที่แนะนำ ให้ชายสองคนสองวัยได้รู้จักกัน พ่อหลวงเป็นชายชรา รูปร่างผอมบาง ผิวซีด ไม่มีฟันสักซี่ มองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยนและเป็นมิตร
“ขอให้อยู่ดี ปลอดภัย นะ” พ่อหลวงบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที ลูกน้องมองหัวหน้าแล้วชี้ที่แขนตัวเองทันที
“ผมมาที่นี่เป็นสิบรอบ แกไม่เคยอวยพรผมสักครั้ง ใครมากี่คนแกก็แค่มองหรือทักทายแต่กับหัวหน้า พ่อหลวงแกให้พร “
ก้องภพมองด้วยสายตาว่างเปล่า เค้าไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ ไม่เชื่อเรื่องคาถาอาคมใดๆ แต่เชื่อเรื่องการกระทำ เท่านั้น และหากชีวิตจะไม่ถึงคราว อันตรายอะไรก็คงไม่เกิดเท่านั้นเอง
ผู้กองพาลูกน้องมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อล้างแผล ในช่วงเย็น สายตาคมเข้มมองไปที่ห้องฉุกเฉิน ก่อนจะเห็นหมอผู้ชายดูแผลลูกน้องให้อยู่ วันนี้ไม่มา หรือมากลางคืน นายทหารคิดคนเดียวในใจ ก่อนจะเห็นหญิงสาวร่างเล็กเดินคุยโทรศัพท์เข้ามา ภายในโรงพยาบาล
“อิงอยู่ได้ค่ะ สบายมาก วันนี้ลงเวรหกโมงเย็นถึงแปดโมงเช้าค่ะ ขอบคุณมากนะคะ คุณพ่อ รักษาสุขภาพนะคะ”
เสียงของเธอดังเข้าหูชัดเจน พ่อโทรมาถามข่าวคราวของลูกสาว ตัวเล็ก ตัวบาง แต่มาอยู่ชายแดนแบบนี้พ่อแม่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา
“สวัสดีค่ะ หมออิง “ พยาบาลสาวทักทายคุณหมอ ก่อนประตูห้องฉุกเฉินจะเปิดออกเพื่อให้คุณหมอสาวเข้าไปในห้อง
“สวัสดีค่ะ คุณจ่า มาล้างแผลหรอคะ “ เสียงคุณหมอถามคนไข้ที่ตัวเองเย็บแผลให้เมื่อคืน พยาบาลเตรียมจะล้างแผลให้ แต่คุณหทอกลับสวมถุงมือ แล้วพยักหน้าบอกว่า จะทำเอง
